ชุบกัลวาไนซ์HotDip

ชุบกัลวาไนซ์ HotDip: เทคโนโลยีป้องกันสนิมที่ทันสมัย

เหล็กฉีกชุบกัลวาไนซ์(Hot-Dip Galvanized Expanded Metal) คือ เหล็กที่ผ่านกระบวนการฉีกเป็นรูปตาข่ายและตามด้วยการชุบสังกะสีแบบจุ่มร้อน (Hot-Dip Galvanizing) เพื่อเพิ่มความทนทานต่อการกัดกร่อนจากสภาพแวดล้อม เช่น ความชื้น ฝุ่นละออง หรือสารเคมี โดยการชุบกัลวาไนซ์จะทำให้เหล็กฉีกมีการเคลือบด้วยชั้นสังกะสีหนาๆ ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาความแข็งแรงให้ยาวนานขึ้น

กระบวนการผลิตเหล็กฉีกชุบกัลวาไนซ์

  1. การผลิตเหล็กฉีก (Expanded Metal) เหล็กที่ใช้ในการผลิตเหล็กฉีกจะถูกนำมา "ฉีก" หรือ "ตัด" โดยการดึงแผ่นเหล็กให้ยืดออกจากแผ่นเหล็กเดิม และสร้างรูปทรงของตาข่ายที่มีลักษณะเป็นรูขนาดต่างๆ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ไม่ใช้การตัดเฉือน แต่เป็นการฉีกแผ่นเหล็กให้เป็นตาข่าย โดยยังคงความแข็งแรงจากโครงสร้างที่ยืดออก
  2. การชุบกัลวาไนซ์ (Hot-Dip Galvanizing) หลังจากที่เหล็กฉีกได้รูปทรงแล้ว จะถูกนำไปชุบในสารละลายสังกะสีที่มีอุณหภูมิสูงประมาณ 450 องศาเซลเซียส โดยการจุ่มแผ่นเหล็กฉีกลงในถังสังกะสีหลอมเหลว ทำให้เกิดการเคลือบผิวของเหล็กด้วยชั้นสังกะสีที่ทนทานต่อการกัดกร่อน

ขั้นตอนการชุบกัลวาไนซ์ (Hot-Dip Galvanizing)

การชุบกัลวาไนซ์ (Hot-Dip Galvanizing) คือกระบวนการเคลือบผิวโลหะด้วยสังกะสีเพื่อป้องกันการกัดกร่อน โดยการจุ่มชิ้นงานโลหะลงในสังกะสีหลอมเหลวที่มีอุณหภูมิประมาณ 450 องศาเซลเซียส กระบวนการนี้ประกอบด้วยขั้นตอนหลายขั้นตอนดังนี้: 

1. การเตรียมชิ้นงาน (Surface Preparation)

  • การทำความสะอาดชิ้นงาน: ชิ้นงานที่ต้องการชุบจะต้องถูกทำความสะอาดเพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่เกาะติดผิว เช่น คราบน้ำมัน สนิม หรือสิ่งปนเปื้อนต่างๆ ซึ่งอาจทำให้การเคลือบสังกะสีไม่สม่ำเสมอ
  • การขัดผิว (Cleaning): ชิ้นงานจะถูกขัดผิวด้วยการทำความสะอาดด้วยกรดหรือวิธีอื่นๆ เช่น การแช่ในกรดซัลฟิวริก (Sulfuric Acid) หรือกรดเกลือ (Hydrochloric Acid) เพื่อขจัดสนิมและสารที่ติดอยู่บนผิวเหล็ก

2. การแช่ในกรด (Pickling)

  • การแช่ในกรด (Pickling) เป็นกระบวนการที่ใช้กรดซัลฟิวริกหรือกรดเกลือในการทำความสะอาดโลหะ โดยจะทำลายคราบสนิมหรือสิ่งปนเปื้อนที่ติดอยู่บนผิวชิ้นงาน ช่วยให้พื้นผิวของเหล็กมีความสะอาดและเตรียมพร้อมสำหรับการเคลือบสังกะสี
  • หลังจากแช่ในกรดแล้ว จะต้องมีการล้างชิ้นงานด้วยน้ำสะอาดเพื่อขจัดกรดที่เหลืออยู่

3. การแช่ในสารฟลักซ์ (Fluxing)

  • การแช่ในสารฟลักซ์ (Fluxing): เมื่อทำความสะอาดชิ้นงานเรียบร้อยแล้ว ชิ้นงานจะถูกแช่ในสารฟลักซ์ที่มีส่วนผสมของสังกะสี เพื่อป้องกันไม่ให้เหล็กเกิดการออกซิเดชัน (เกิดสนิม) ขึ้นระหว่างการเคลือบสังกะสี ช่วยให้การยึดเกาะระหว่างเหล็กและสังกะสีดีขึ้น
  • สารฟลักซ์มักจะมีส่วนผสมของคลอไรด์หรือซัลเฟตเพื่อป้องกันการเกิดสนิมระหว่างขั้นตอนนี้

4. การจุ่มลงในสังกะสีหลอมเหลว (Hot-Dip Galvanizing)

  • การจุ่มชิ้นงานลงในสังกะสีหลอมเหลว: ชิ้นงานที่เตรียมไว้จะถูกจุ่มลงในถังสังกะสีหลอมเหลวที่อุณหภูมิประมาณ 450°C โดยการเคลือบจะเกิดขึ้นเนื่องจากปฏิกิริยาระหว่างเหล็กและสังกะสีในสภาวะหลอมเหลว
  • ในกระบวนการนี้ สังกะสีจะหลอมและปฏิกิริยากับผิวเหล็กจนเกิดเป็นชั้นของสังกะสีที่มีความหนาแน่น ซึ่งทำหน้าที่ปกป้องเหล็กจากการกัดกร่อน
  • การจุ่มในสังกะสีหลอมเหลวจะทำให้เกิดการเคลือบสังกะสีที่มีความทนทานต่อการกัดกร่อนในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นหรือสารเคมี

5. การทำให้เย็น (Cooling)

  • หลังจากที่ชิ้นงานเคลือบสังกะสีแล้ว จะต้องนำไปให้เย็นในอากาศหรือในน้ำ ซึ่งจะช่วยให้ชั้นสังกะสีที่เคลือบอยู่บนผิวเหล็กแข็งตัวและมีความทนทานสูง
  • กระบวนการทำให้เย็นเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ชั้นเคลือบที่มีความแข็งแรงและทนทานต่อการใช้งาน

6. การตรวจสอบและการทดสอบคุณภาพ (Inspection and Testing)

  • การตรวจสอบคุณภาพ: หลังจากชุบกัลวาไนซ์เสร็จสิ้น จะมีการตรวจสอบความหนาของชั้นเคลือบสังกะสี โดยสามารถใช้เครื่องมือเช่น การวัดความหนาของชั้นเคลือบ หรือการทดสอบการยึดเกาะของสังกะสีบนผิวเหล็ก
  • การทดสอบการรับแรง: บางครั้งจะมีการทดสอบความสามารถในการรับแรงของชิ้นงานที่ชุบกัลวาไนซ์เพื่อให้แน่ใจว่าเหล็กยังคงความแข็งแรงและไม่แตกหักได้ง่าย

7. การบรรจุและการส่งมอบ (Packaging and Delivery)

  • การบรรจุ: หลังจากที่ชิ้นงานผ่านการตรวจสอบแล้ว จะมีการบรรจุและจัดเตรียมสินค้าเพื่อการจัดส่งให้กับลูกค้า โดยอาจจะมีการป้องกันการขีดข่วนหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการขนส่ง

ข้อดีของการชุบกัลวาไนซ์แบบจุ่มร้อน

  1. ทนทานต่อการกัดกร่อน การชุบสังกะสีแบบจุ่มร้อนจะช่วยป้องกันการเกิดสนิมและการกัดกร่อนของเหล็กในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงหรือมีสารเคมี การเคลือบด้วยสังกะสีช่วยให้เหล็กฉีกมีอายุการใช้งานที่ยาวนานและสามารถใช้ได้ในทุกสภาพอากาศ
  2. เหมาะสำหรับการใช้งานกลางแจ้ง เหล็กฉีกชุบกัลวาไนซ์เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความทนทานต่อการใช้งานกลางแจ้ง เช่น การก่อสร้าง โรงงานอุตสาหกรรม หรือโครงสร้างที่ต้องสัมผัสกับสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและความชื้นตลอดเวลา
  3. เสริมความแข็งแรงและคงทน เนื่องจากเหล็กฉีกมีโครงสร้างที่สามารถรับแรงได้ดี และเมื่อชุบด้วยกัลวาไนซ์จะทำให้ความแข็งแรงของมันเพิ่มขึ้นอีก เหมาะสำหรับการใช้ในงานที่ต้องการความมั่นคงและรับน้ำหนักได้ดี เช่น พื้นที่ที่ต้องการความแข็งแรงในการรองรับการเดินหรือการใช้งานหนัก
  4. การดูแลรักษาน้อย เหล็กฉีกที่ชุบกัลวาไนซ์ไม่ต้องการการบำรุงรักษาหรือทาสีบ่อยๆ เนื่องจากการเคลือบสังกะสีทำหน้าที่ป้องกันการเกิดสนิมและการกัดกร่อนของเหล็ก ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนานโดยไม่ต้องบำรุงรักษาบ่อย
  5. มีรูปลักษณ์ที่สวยงาม การชุบกัลวาไนซ์ทำให้เหล็กฉีกมีผิวที่เรียบและมีการเคลือบที่สวยงาม โดยเฉพาะเมื่อใช้งานในที่เปิดหรือที่ต้องการให้มีความทนทานพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ดูดี

การใช้งานของเหล็กฉีกชุบกัลวาไนซ์

  1. โครงสร้างทางอุตสาหกรรม เหล็กฉีกชุบกัลวาไนซ์มักใช้ในโครงสร้างอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น รั้วกั้นพื้นที่ พื้นที่ทำงานในโรงงาน หรือเครื่องจักรที่ต้องการการรองรับที่แข็งแรง
  2. งานก่อสร้าง ใช้ในงานก่อสร้างเช่น การทำพื้นสะพาน การปูพื้นทางเดินในพื้นที่อุตสาหกรรมที่ต้องการการป้องกันการกัดกร่อนจากน้ำหรือสารเคมี
  3. งานตกแต่งภายในและภายนอก เหล็กฉีกที่ชุบกัลวาไนซ์สามารถนำมาใช้ในงานตกแต่งทั้งภายในและภายนอก เช่น รั้วบ้าน หรือในงานตกแต่งพื้นที่สวนหรือภูมิทัศน์ เนื่องจากมันมีรูปลักษณ์ที่ดูดีและทนทาน
  4. งานท่อและโครงสร้างโลหะ ใช้ในงานผลิตท่อหรือโครงสร้างเหล็กที่ต้องการความทนทานสูงและสามารถทนทานต่อการกัดกร่อนได้ เช่น งานติดตั้งท่อเหล็กในโรงงานหรือโครงการก่อสร้างที่ต้องใช้วัสดุที่ทนทาน
  5. งานเกษตรกรรม เหล็กฉีกชุบกัลวาไนซ์ยังถูกใช้ในงานเกษตรกรรม เช่น การทำรั้วโรงเรือน หรือโครงสร้างสำหรับเกษตรกรรมที่ต้องการความทนทานต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง

เหล็กฉีกชุบกัลวาไนซ์ เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนและการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นหรือสารเคมี ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานในงานอุตสาหกรรมและการก่อสร้างที่ต้องการความแข็งแรง การใช้งานในที่กลางแจ้ง หรือในพื้นที่ที่ต้องการป้องกันการเกิดสนิม เหล็กฉีกที่ผ่านกระบวนการชุบกัลวาไนซ์จึงเป็นตัวเลือกที่ดีในการใช้ในงานที่ต้องการความทนทานและยาวนาน

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม แนะนำให้ปรึกษาร้านค้าวัสดุก่อสร้างหรือผู้เชี่ยวชาญโดยตรง

สอบถามรายละเอียดก่อนสั่งซื้อเพิ่มเติมได้ที่ 

 

 

Visitors: 242,939